นายอดุล จันทรศักดิ์ (25 ธันวาคม พ.ศ. 2489 - ปัจจุบัน) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์ บทความ) พ.ศ. 2551 ปัจจุบันเป็นข้าราชการตุลาการ ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีศาลปกครองพิษณุโลก เจ้าของนามปากกา "อัคนี หฤทัย" และ "ธารี"
นายอดุล จันทรศักดิ์ นักเขียนและกวีผู้ใช้นามปากกาว่า "ธารี" และ "อัคนี หฤทัย" ฯลฯ เกิดที่จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2489 แต่เติบโตที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากบิดารับราชการที่โรงงานสุรา สังกัดกรมอุตสาหกรรม (ปัจจุบันย้ายมาสังกัดกรมสรรพสามิต) ได้ย้ายมาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2502 ขณะนั้น นายอดุล จันทรศักดิ์มีอายุได้ 13 ปี โดยครอบครัวได้ตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน นายอดุล จันทรศักดิ์ มีพี่สาว 1 คน ส่วนตนเองเป็นลูกคนที่ 2 เริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง จังหวัดปราจีนบุรี ได้ข้ามชั้น 1 ปี และเมื่อ พ.ศ. 2500 เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (เท่าก้บมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปัจจุบัน) ได้ย้ายเข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ กรุงเทพมหานคร และเรียนต่อจนสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มรับราชการที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) จนดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างวินัยและรักษาระบบคุณธรรม แล้วโอนไปรับราชการเป็นข้าราชการตุลาการ ที่ศาลปกครอง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิบดีศาลปกครองพิษณุโลก
นายอดุล จันทรศักดิ์ เริ่มแต่งร้อยกรองตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมัธยม เมื่อเป็นนิสิต ได้เป็นตัวแทนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าแข่งขันกลอนสดระหว่างสถาบัน เคยได้รับรางวัลเกียรตินิยมวรรณศิลป์ มีผลงานกลอนรวมเล่มกับนักกลอนร่วมสมัยหลายเล่ม นายอดุล จันทรศักดิ์ ยังคงสร้างสรรค์ผลงานกวีนิพนธ์ อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน โดยเขียนบทกวีประจำในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ บทกวีเหล่านี้เป็นผลงานที่มีคุณค่า ภายหลังได้นำมารวมเล่ม ได้รับรางวัลระดับชาติหลายรางวัลเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดผลงานคีตศิลป์ต่อเนื่องไปอีกด้วย กวีนิพนธ์ของนายอดุล จันทรศักดิ์ เป็นการสื่อสารแก่สังคมให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ ร่วมรู้สึก ร่วมคิด ทั้งคิดย้อนคิดแย้ง ทำให้เกิดพลังทางปัญญาและได้รับความสะเทือนอารมณ์อย่างลุ่มลึกไปพร้อมกัน นายอดุล จันทรศักดิ์ ได้สร้างสรรค์ผลงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 40 ปี และยังคงทำงานเขียนต่อไปด้วยใจรักอย่างแท้จริง
เมื่อปลาย พ.ศ. 2510 นายอดุล จันทรศักดิ์ ได้สร้างผลงานกลอนชื่อ บทเพลงเหนือสุสาน ซึ่งใช้นามปากกา "ธารี" จนได้รับรางวัลเกียรตินิยมวรรณศิลป์ของชมรมวรรณศิลป์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทกวีนี้มีเนื้อหาต่อต้านการที่รัฐบาลไทยส่งทหารไปช่วยสหรัฐอเมริกาทำสงครามเวียดนาม
ส่วนผลงานกลอนของนายอดุล จันทรศักดิ์ ได้ตีพิมพ์รวมเล่มกับนักกลอนร่วมสมัยหลายเล่มอย่าง "ไฟอารมณ์" ซึ่งรวมกลอนกับเพื่อนนักกลอนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง "นิล" รวมกลอนกับเพื่อนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง "ลอยชาย" และ "ใบไม้แห่งนาคร" รวมกลอนกับเพื่อนต่างคณะและต่างมหาวิทยาลัย แต่ไม่เพียงเท่านี้ นายอดุล จันทรศักดิ์ ยังเป็นสมาชิกประจำในการเล่นสักวากลอนสดของสโมสรสยามวรรณศิลป์ ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะองค์กรส่งเสริมวัฒนธรรมไทยดีเด่น
เมื่อ พ.ศ. 2532 นายอดุล จันทรศักดิ์ ได้รับเชิญจากนายสุภาพ คลี่ขจาย อดีตประธานชมรมวรรณศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้เขียนกลอนประจำหน้า 3 หนังสือพิมพ์แนวหน้าวันอาทิตย์ โดยใช้นาม ปากกา "อัคนี หฤทัย" ซึ่งเป็นการเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างคมคาย โดยต่อมาได้รวมเล่มและใช้ชื่อว่า "ดอกไม้ไฟ" จึงได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นประเภทกวีนิพนธ์จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อนึ่งบทกวีชื่อ "จุมพิตและเพลงลา" และ "ตำนานถนนราชดำเนิน" ได้รับยกย่องเป็นบทกวีดีเด่นของสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี พ.ศ. 2534 และปี พ.ศ. 2535 ตามลำดับ
ต่อมาจากนั้น นายอดุล จันทรศักดิ์ ยังได้รับเชิญจากนายขรรค์ชัย บุนปาน ให้เขียนกลอนประจำในหนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันอาทิตย์ โดยใช้ชื่อคอลัมน์ว่า "ณ กาลเวลา" และใช้นามปากกา "อัคนี หฤทัย" ตลอดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งในคอลัมน์ดังกล่าวเขาได้แสดงทัศนวิพากษ์บุคคลและสังคมด้วยคารมคมคาย ด้วยความคิดอิสระและลีลาวรรณศิลป์ที่งดงาม จนคณะกรรมการกองทุนหม่อมราชวงศ์อายุมงคล โสณกุล จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ "อัคนี หฤทัย" ได้รับรางวัลนักเขียนคอลัมน์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2548
ส่วนความหมายต่าง ๆ หรือที่มาของนาม ปากกานั้น นายอดุล จันทรศักดิ์ บันทึกไว้ว่า "...ชีวิตของอดุล จันทรศักดิ์ เป็นขั้นที่ราบเรียบและมั่นคงของนักกฎหมาย ทอดสูงขึ้นไปอย่างภาค ภูมิใจในแต่ละช่วงชีวิต ตั้งแต่เริ่มต้นถึงขั้นปลาย โดยอีกนัยหนึ่งถ้ามองถึงบุคคลท่านนี้จะมีถึงสามบทบาท อาจสรุปได้ว่าชื่อของ อดุล จันทรศักดิ์ เป็นหน้าที่ อัคนี หฤทัย เป็น ปัญญา และธารี เป็นอารมณ์ ซึ่งเกื้อหนุนซึ่งกันและกันในการดำเนินชีวิตไปได้ด้วยคุณค่าจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่ครบถ้วน สมบูรณ์ โดย อดุล จันทรศักดิ์ รู้ว่าตัวเองต้อง ทำอะไร อัคนี หฤทัย รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ส่วนธารี นั้นรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร และเมื่อครบทั้งสามประการ อดุล จันทรศักดิ์ อัคนี หฤทัย และธารี จึงสามารถล่องแพไม้ ไผ่กลางกระแสธารของกาลเวลามายาวนาน กว่า 40 ปี อย่างที่เห็นจนถึงปัจจุบัน..."
สำหรับจุดเด่นในงานกวีนิพนธ์ของนายอดุล จันทรศักดิ์ อยู่ที่การแสดงทัศนะวิพากษ์วิจารณ์ และปฏิกิริยาทางอารมณ์ต่อปรากฏการณ์ทางสังคมและการเมืองอย่างเฉียบแหลม คมคายด้วยลีลากลอนเฉพาะตัว ทั้งละเมียดละไมและแฝงนัยอย่างมีอารมณ์ขัน และกล่าวได้ว่า นายอดุล จันทรศักดิ์ นั้นจะสร้างสรรค์กวีนิพนธ์เพื่อสื่อสารแก่สังคมให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ ร่วมรู้สึก ร่วมคิด ทั้งคิดย้อนคิดแย้ง ทำให้เกิดพลังทางปัญญาและได้รับความสะเทือนอารมณ์อย่างลุ่มลึกไปพร้อมกัน กว่า 40 ปี ของการสร้างสรรค์กวีนิพนธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีจุดยืนและอุดมการณ์อันแน่วแน่ในการรักษาความจริง ความถูกต้องและความเที่ยงธรรม พร้อมกับยืนหยัดในการปกป้องเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ กวีนิพนธ์ของท่านนั้นจะมีความโดดเด่นในด้านพัฒนาการทางความคิด ทางอารมณ์และเปี่ยมด้วยพลังทางวรรณศิลป์ จนได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2551
จุดเด่นในงานกวีนิพนธ์ของนายอดุล จันทรศักดิ์ อยู่ที่การแสดงทัศนะวิพากษ์ วิจารณ์และปฏิกิริยา ทางอารมณ์ต่อปรากฏการณ์ทางสังคมและการเมืองอย่างเฉียบแหลม คมคาย ด้วยลีลากลอนเฉพาะตัว ทั้งละเมียดละไมและแฝงนัยอย่างมีอารมณ์ขัน กล่าวได้ว่า นายอดุล จันทรศักดิ์ สร้างสรรค์กวีนิพนธ์เพื่อสื่อสารแก่สังคมให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ ร่วมรู้สึก ร่วมคิด ทั้งคิดย้อนคิดแย้ง ทำให้เกิดพลังทางปัญญาและได้รับความสะเทือนอารมณ์อย่างลุ่มลึกไปพร้อมกันกว่า 40 ปีของการสร้างสรรค์กวีนิพนธ์อย่างต่อเนื่อง นายอดุล จันทรศักดิ์ มีจุดยืนและอุดมการณ์ อันแน่วแน่ในการรักษาความจริง ความถูกต้องและความเที่ยงธรรม พร้อมกับยืนหยัดในการปกป้องเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ กวีนิพนธ์ของอดุล จันทรศักดิ์ มีความโดดเด่นในด้านพัฒนาการทางความคิด ทางอารมณ์และเปี่ยมด้วยพลังทางวรรณศิลป์ นายอดุล จันทรศักดิ์ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2551